Thursday, October 2, 2014

สอนเกรียนเทรด สาย Assassin ภาค 2 By MudleyGroup

สอนเกรียนเทรด ภาค 2 มาแล้วครับ อิอิ

ขำๆวันหยุดครับ 55555 ภาค 2


ต่อจากสาย Tank นะครับ สายต่อมาคือ Assassin


เทรดเดอร์สายนี้พลังป้องกันต่ำ แต่มีพลังการโจมตีที่สูง อาศัยเคลื่อนตัวไว การพลาดบ่อยๆจึงเป็นสิ่งที่ไม่ดี ดังนั้น skill กับการเลือก monster จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก

***Assassin จะสามารถเปลี่ยน Damage ที่ทำได้จากศัตรูมาเป็นเกราะ หรือ พลังโจมตีในครั้งถัดไปเรื่อยๆได้ดี ***

หากเรารักจะมาสายนี้สิ่งที่ควรรุ้คืออะไรบ้าง

1. skill เราจะฝึกได้ยังไง

-พื้นฐานของ skill คือจังหวะ จังหวะในการตัดสินใจของเรา ต้องหาจุดที่ได้เปรียบที่สุด เช่น ราคาณ.ปัจจุบันได้เปรียบคนอื่นมากน้อยแค่ไหน

-ต้องอัพ master เครื่องมือในการตัดสินใจให้ expert เป็นอย่างๆไป เช่น จะใช้ moving ก็ moving ไปก่อน จากนั้นเก่งแล้วค่อยต่อยอดอัพ สกิลอื่นเช่น price pattern ทีหลังก็ยังไม่สาย

-พลาดต้องถอยออกมาก่อน อย่าแลก เพราะสายนี้เลือดน้อย เน้นพลังโจมตีและความว่องไว ยิ่งเสียเลือดมากเท่าไรในคุ่มือเกมส์บอกไว้ว่าจะทำให้ skill โจมตีถัดไปของเราเบาลงเรื่อยๆ ดังนั้นต้องรุ้ตัวเองว่าตรงจุดไหนควรถอย และ หาจังหวะที่เราฝึกมาเท่านั้น จังหวะอื่นไม่เอาเด็ดขาด เช่นเล่นตาม ชาแนล ก็ต้องตามนั้น พลาดไปแล้วก็ต้องรอให้เป็นชาแนลที่ชัดเจนอีกรอบหรือ ชาแนลใหม่อะไรก็ว่าไป

-คอมโบเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องด้วยอาชีพนี้ เน้นความไวและจังหวะ หากโจมตีได้ไม่ต่อเนื่องและหนักหน่วงจะทำให้เสียโอกาสค่อนข้างเยอะ ดังนั้น จากสูตรโปรเกมส์ในอเมริกา มักจะเน้นโจมตีสตั๊นให้ monster มึนก่อน(positions size ปกติ แต่เน้น reward สูงๆเพื่อเอา damage แรกมาเป็นบาเรีย หรือ เกราะชั่วคราวๆ เช่นจุดเริ่มต้นของเทรน หรือ ขอบของชาแนลต่างๆ ---> จากนั้นลดพลังโจมตีลงเน้นความถี่เพื่อสะสมพลังโจมตีซึ่งเราจะได้ damage (cash flow) มาจากการโจมตีศํัตรู (เน้นรอบลด positions size ลง) ----> เมื่อได้ cash flow มาจำนวนหนึ่งแล้วให้แบ่งมาใช้ถ้าไม้ตายสังหารซึ่งเป็นท่าที่หนัก และต้องจบใน kill เดียว (ปรับ leverage สูง และ set stop loss ทันทีในออเดอร์นั้น)

-ไม่ว่าพลาด หรือ เก็บศัตรูได้ ต้องกลับมาเริ่มขบวนการคอมโบใหม่ทุกครั้ง

-สายนี้กิน energy เยอะ วันนึงไม่ควรลงดันเจี้ยนมากไป ควรรุ้ระดับ energy ตัวเอง ว่าวันหนึ่งๆเราควรตีมอนกี่ตัว พักผ่อนให้เยอะๆ ออกกำลังกาย กินอาหารให้ครบถ้วน สะสม energy ใหม่ให้สดทุกครั้งก่อนลงดันเจี้ยนครั้งหน้า

2. การเลือก monster

-ส่วนใหญ่คนที่เล่นสายนี้ที่ไม่รอด ไม่ใช่เพราะข้อแรก แต่มักจะเป็นข้อสอง คือเลือก monster ไม่เป็น

-Monster นั้นจะมีพลังโจมตีที่เราเรียกว่า Volatility ยิ่งมันสูงมากเท่าไร แสดงว่าเรายิ่งโดนมันอัดคางเหลืองได้ง่ายเท่านั้น โดนมันตบทีเดียวเราอาจเลือดหมดหลอดได้เลยทีเดียวเป็นต้น
ดังนั้น ก่อนตีมอน อันดับแรกเลยดูว่ามัน damage เท่าไร เช่นทอง วันๆหนึ่งแกว่ง 20-30$ โดยเฉลี่ย เรามี Hp 100$ โดนมันตบ 3-4 ทีก็ไม่รอดแล้ว

-Monster นั้นเป็น มีบัฟพิเศษตรงไหนที่เพิ่มพลังให้มันได้มั้ย จะได้ระวังตัว เพราะถ้าเลเวลเรายังไม่ถึงก็อย่าเพิ่งแลกกับมันตอนบัฟ เช่น monster นิเคอิ มักจะได้บัฟจากการอ่อนตัวของค่าเงินเยน หรือ แม้แต่ monster ในดันเจี้ยนอเมริกา มักจะได้บัฟจากเฟด เป็นต้น


***ท้ายนี้สายนี้เป็นอาชีพที่มันส์และมักจะมีคนเลือกเล่นเยอะที่สุด ผู้เล่นมักจะ cap ภาพพลังโจมตีของตัวเองมาโชว์กันอยุ่เสมอ แต่น้อยคนนักที่จะสามารถไปถึงบอสใหญ่ได้ เพราะ สิ่งสำคัญของสายนี้จะอยุ่ที่ความอดทนรอจังหวะ การผสมผสานคอมโบ การเลือก monster และ การสะสมประสบการณ์อย่างสม่ำเสมอ ไม่ได้อยุ่ที่พลังโจมตีใครสูงกว่ากัน เพราะ จากประสบการณ์ที่เจอบอสในดันเจียนอเมริกามานั้น ต่อให้เรามีพลังโจมตีหลักหมื่นก้โดนมันตบตายอยุ่ดี ถ้าเรายังใช้คอมโบไม่เป็น ***
Read More »

สอนเกรียนเทรด สาย Tank ภาค 1 By MudleyGroup

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10150464049498604&set=a.202036183603.131033.597793603&type=1


มาอธิบายกฏกติของการเทรด future แบบสาย Tank นั้น ระดับแถบมาร์จิ้นคือ HP ของเรา ทุกๆครั้งของการใช้มาร์จิ้นก็คือพลัง Hp ของเราลดลงนั่นเอง ซึ่งจะแลกมาด้วยความแรงของ Damage ในการโจมตี (สุตรคือ มาร์จิ้นที่เราวางไปแล้ว/เงิน ทุนทั้งหมดในพอร์ตเรา) ส่วนระดับ equity level แสดงถึงเกราะในการทน Damages จากฝั่งตรงข้าม (จะทนได้แค่ไหนกรณีผิดทาง สุตรคือ เงินทุนในพอร์ตเราทั้งหมด/มาร์จิ้นที่เราวางไปแล้ว คิดเป็น % )

ดังนั้นจากตัวอย่างนี้ จะเห็นว่าผมเสียเลือดไป 7% เพื่อใช้ในการโจมตี และระดับเกราะอยุ่ที่ 1469% นี่คือการเล่นสายอึดโอกาสตายก็ยากตีไปเรื่อยๆอาจเบา โดนรุมแก๊งค์ก็ไม่กลัว แต่ถ้าเราไม่ตายยิ่งเราได้กำไร มาเรา (กำไรก็คือ Hp ) เราจะเลือกนำ Hp ไปอัพเกรดเกราะ กล่าวคือไม่วาง positions มากกว่าระดับเดิมแล้ว หรือ อัพเกรดการโจมตีโดยการเปลี่ยน hp ไปเพิ่ม positions ได้ สนุกมากๆ เกมส์นี้ เล่นเลเวลแบบนี้ คุ่สัญญาผมเห็นแล้วท้อแน่ๆ อิอิ

ปล. ถ้าเราคล่องๆแล้ว แถบพวกนี้มันจะเป็น dynamic อัพเกรดอยุ่ตลอดเวลา ซึ่งพวกฝรั่งจะทำให้งงโดยใช้คำ ว่า dynamic Hedging ^ ^ หมายเหตุ Tips การเล่นเกมส์ สาย tank Derivative online open beta นั้น Hp ไม่ควรใช้เกิน 25% หรือระดับเกราะไม่ควรต่ำกว่า 400% คราวหน้าเราจะมาว่ากันที่สายอื่นบ้าง ซึ่งการเล่นจะยากและซับซ้อนขึ้น
Read More »

Snow Ball Trading Technic By MudleyGroup

Snow Ball Trading Technic


มีน้องๆสงสัยว่าทำไมผมถึงมีการเทรดที่ชอบสวน Trend วันนี้จะเล่ากลยุทธ์ให้ฟังนะครับ

1. พอถึงจุดหนึ่งที่น้องมี portfolio เยอะๆมากๆหลายๆพอร์ต รุปแบบการลงทุนน้องจะเปลี่ยนไป น้องต้องมองในแง่ของกลยุทธ์มากขึ้น รายได้ในระยะสั้น จะกลายเป็นอันตรายสำหรับน้อง ดังนั้นน้องต้องพยามหา long term cash flow ให้ได้ ไม่ว่าด้วยวิธีไหนก็ตาม

2. ทำไมเรื่องการ focus การ predict ราคาถึงหมดความสำคัญไปเรื่อยๆ เพราะ ถ้าน้องโฟกัสไปที่การ predict ราคา มันจะทำให้ความเสี่ยงของน้องทั้งหมดตกไปอยุ่ที่ราคา จะเกิดอะไรขึ้นถ้าน้องผิดล่ะ น้องกำลังนำเอาตัวเองเข้าไปอยุ่ ในภาวะที่ผิดไม่ได้ ซึ่งถ้าการลงทุนของเรา base อยุ่บนตรงนั้นแล้ว ในฐานะนักลงทุน เราเองคงไม่กล้าลงทุนกับ กลยุทธ์การลงทุนแบบผิดไม่ได้จริ งมั้ยครับ เพราะเมื่อไรที่เราผิด เราต้อง cut loss แล้วเมื่อไรที่เรา cut loss ในปริมาณสูงขึ้น เราก็จะพยามเข้า positions ที่หนักขึ้นในตลาด เพื่อหากำไรมาชดเชย ดังนั้น ภาพของนักพนันมันจะเริ่มซึมเข้าไปที่เราโดยไม่รุ้ตัว พี่เห็นผู้จัดการกองทุนเก่งๆ จบอนาคตของตัวเองด้วยการผูกตัว ไว้ที่การ predict market มันไม่สำคัญว่าเราจะถูก 80% 90% แต่ที่สำคัญแน่นอนคือ ไม่มีใครที่จะถูก 100% และ เมื่อเราผิด เราคิดว่าเราจะหาเงินมาชดเชยตรงที่เราผิดได้จริงหรอ

3. แน่นอนช่วงแรกๆ การลงทุนแบบ predict ราคานั้นมันไม่อันตราย เพราะการเอาคืนหลังจากที่ผิดพลาดไปแล้ว มันยังง่ายๆอยุ่ แต่เมื่อไรที่ที่พอร์ตน้องใหญ่ขึ้นมากๆล่ะ น้องจะเริ่มเห็นภาพพวกที่ไปเริ่ม เจ๊งเมื่อ portfolio เริ่มขึ้นไปสุ่ ระดับ 100 ล้าน หรือ 1 พันล้าน หรือ เริ่มตันในการขยับขยาย เพราะ ถ้าพอร์ตในระดับนั้น เมื่อเราผิดน้องคิดว่า mental ของเราจะสามารถรับไหวหรอ ถึงแม้ว่าตัวเลขจะ % เท่าๆกัน เช่น มี port 100,000 บาท เราขาดทุน 10 % คือ 1 หมื่นบาท กับมีพอร์ต 1 พันล้าน ขาดทุน 10% คือ 100 ล้าน เราจะหา 100 ล้านนั้นคืนได้ง่ายๆเลย หรือ จะมีคนในตลาด ยอมเสียเงินคืนให้เรา 100 ล้าน ได้ง่ายๆหรือ มันคือความเสี่ยงในเชิงลึก น้องต้องมองให้ออก เพราะเม็ดเงินมันมีจำกัด และ ไม่มีใครอยากขาดทุนหรอก

4. พี่วางกลยุทธ์อย่างไร จะสวนเทรนตลอดหรือไม่ ปัญหาไม่ได้อยุ่ตรงนั้น เวลาพี่ลงทุนแล้ว พี่จะต้องคิดว่า win-win เช่น ใน stock หากพี่คิดว่าหุ้นตัวนั้นแพงแล้ว พี่ก็จะเริ่ม short หรือ commodities เริม่ถูกแล้ว พี่ก็จะเริ่ม Long คราวนี้ถ้าน้องคิดถูกน้องก็จะได้เงินใช่มั้ยครับ และ ถ้าน้องผิดล่ะ มันจะเริ่มมีปัญหาสำหรับคนที่ไม่ได้วางกลยุทธ์ หรือ วางกลยุทธ์ผูกติดไว้ที่ตัวเองต้องถูกเท่านั้น positions ของพี่จริงต้องทยอยทำและเล็กมากๆ เพื่อให้น้องมองออก สมมุติพี่มีเงินอยุ่ 10 ล้าน บาท ทยอย short หุ้นตัวเล้กๆ 100 หุ้น ทีล่ะ 200-300 บาท ถามว่าเมื่อไรเงินพี่จะหมด เป็นต้น

5. น้องจะเริ่มถามว่าแล้วแบบนี้เมื่อไรจะรวย การเทรดหุ้นก็เหมือนหมากรุก หากน้องมองแค่เกมส์ตรงหน้า หรือหมากตรงหน้าระยะสั้น มันก็ไม่ได้ทำให้เราแตกต่างจากผุ้เล่นระดับ normal จริงมั้ยครับ เราต้องหัดมองอะไรให้ยาวมากขึ้น ลึกซึ้งมากขึ้น น้องจะเห้นว่าตลาดมันผันผวน สมมุติว่าพี่ผิด positions เล็กๆของพี่ก็ติดไปเรื่อยๆจริงมั้ยครับ แต่แน่นอนตลาดมันไม่วิ่งทางเดียวตลอด ระหว่างนั้นมันก้จะแกว่งไปตามความโลภ ความกลัวของคน มันก้ทำให้พี่ generate cash flow ลดต้นทุนใน positions เล้กๆที่พี่ติดไปเรื่อยๆจริงมั้ยครับ แล้วยิ่งถ้าพี่ติดอยุ่นานเท่าไร พี่ก้มีเวลา generate cash flow จากมันได้นานขึ้นเรื่อยๆจริงมั้ยครับ และ ถ้าวันใด วันหนึ่งที่พี่เกิดถูกขึ้นมา น้องขึ้นว่า portfolio พี่จะโตขึ้นเท่าไรครับ เช่นเดียวกันหากพี่ไม่ถูกไปตลอด น้องคิดว่าพี่จะ generate cash flow ได้นานเท่าไรครับ 5 ปี -10 ปี และ cash flow เหล่านั้นจะมหาศาลขนาดไหน ัน่หล่ะครับที่พี่เรียกว่า snow ball Technic ไม่ว่าจะอย่างไร ใครที่มี positions against พี่ you ต้อง paid ไม่ทางใดทางหนึ่งเสมอ นี่หล่ะวิธีคิดของพี่ simple ครับ


นั่นหล่ะครับทำไมพี่ถึงได้เทรดในกองทุนเฮดจ์ฟัน ทำไมพี่ถึงสร้างชื่อได้ตอนซัพพราม หากน้องลองคิดตาม มองอะไรที่ลึกซึ้งขึ้น ไม่จำเป้นต้องใช้วิธีแบบพี่ก็ได้ แนวทางในการเทรดของน้องจะหลากหลายมากขึ้น ไม่ต้องผูกติดและเครียดอยุ่กับการต้อง predict market อีกต่อไป เมื่อน้องเข้าใจถึงระดับนี้ได้ เมื่อนั้นน้องจะขึ้นมาเป้นผู้เล่นในเกมส์อีกระดับหนึ่งครับ ซึ่งลึกซึ้งและสนุกกว่าแบบเดิมๆมาก ^ ^



Read More »

ใช้ ATR แสกนหา Protuct By MudleyGroup

Read More »

Level 1 Sniper Trading หรือ Betting Trade By MudleyGroup

 

Level 1 Sniper Trading หรือ Betting Trade




สวัสดี ครับ เนื่องจากช่วงนี้ผมพอมีเวลาอยู่บ้าง ก็เลยจะเขียนอธิบายหลักสูตรในเลเวลหนึ่งให้น้องๆที่มาทำการฝึกได้เข้าใจตรง กันนะครับ ว่าทำไมเราถึงต้องฝึกฝนอย่างนี้ และแตกต่างจากเทรดเดอร์ทั่วไปอย่างไรกันบ้าง

ใน เฮดจ์ฟันนั้นหลักสูตรเทรดเดอร์ที่นิยมใช้เทรนเทรดเดอร์กันก็คือหลักสูตรตัว นี้ และ เพื่อไม่ให้น้องๆเข้าใจผิดจากการไปอ่านหนังสือหรือการค้นหาตาม web site เพื่อค้นคำว่า Sniper Trading

Sniper trading นั้น ถูกยืมไปใช้อย่างมากในวงการเทรดเก็งกำไร เช่น พวก Forex ทำให้หลายๆคนเข้าใจผิดว่าเป็นการเก็งกำไรแบบเน้นความแม่นยำสูง และ เมื่อพลาดก็จำต้องตัดสินใจ Cut Loss และ แน่นอนไม่จำเป็นที่พวกเฮดจ์ฟันปิด จะต้องออกมาชี้แจงถึงการเอามาสอนกันผิดๆให้เข้าใจถูกกัน ก็เพราะยิ่งเข้าใจกันผิดก็ยิ่งง่ายต่อตัวเองในการทำกำไรในตลาดเงินตลาดทุน

Sniper trading คือ หลักสูตรการเทรนเทรดเดอร์ประสิทธิภาพสูงสุด หรือกล่าวอีกในหนึ่ง คือการสร้าง ผู้เชี่ยวชาญในวงการเทรดในระดับสูงสุด และ อันตรายที่สุด เท่าที่เทรดเดอร์คนนั้นจะเรียนรู้ไหว

เพื่อ ให้น้องๆเห็นภาพ การยกวิชาคณิตศาสตร์มาจะทำให้น้องๆหลายคนที่ไม่มีพื้นทางคณิตศาสตร์งงกัน ขอ ยกตัวอย่างหนังแล้วกันนะครับ น้องๆอาจจะเคยได้ดูหนังเกี่ยวกับ สไนเปอร์ที่สู้กันพี่จำไม่ได้ แต่พี่เลือกเรื่องนี้แล้วกัน เพราะมันเข้า Concept ของ hedge fund ที่ สุดแล้วว่าทำไมต้องเลือกคำนี้ ซึ่งจากหนังในเรื่องนั้น หากน้องต้องต่อสู้กับสไนเปอร์ด้วยกันแล้ว เมื่อน้องยิงพลาดไม่โดนเค้า นั่นหมายถึงเค้าก็สามารถที่จะจับตำแหน่งของน้องได้ ซึ่งนั่นหมายถึงชีวิตกันเลยทีเดียว

ทีนี้น้องก็จะมองเห็นภาพแล้วว่าทำไมเรานำระบบ Hp หรือ Hit point มาใช้ ก็เพื่อให้เทรดเดอร์ระลึกอยู่เสมอ ว่าเงินสดของตัวเองก็คือพลังชีวิตของตัวเองนั่นเอง  กระสุนหนึ่งนัดที่น้องบรรจุลงไปในลำกล้อง เพื่อทำให้ match 1 ออเดอร์ น้องก็ต้องใส่พลังชีวิตของน้องลงไปด้วยในกระสุนแต่ล่ะนัด ซึ่งเมื่อน้องพลาดจึงไม่มีการ cut loss เปรียบเสมือนการรบในสนามจริงเมื่อน้องพลาด น้องต้องแลกมาด้วยชีวิตของน้อง

ทีนี้ต่างจากระบบ cut loss อย่างไร ระบบ cut loss ไม่ได้ช่วยให้เทรดเดอร์ดึงพัฒนาการได้อย่างสูงสุด เพราะ เทรดเดอร์จะรุ้ว่าตัวเองทำผิดพลาดได้ เมื่อผิดทางก็แค่ cut loss เพื่อเริ่มใหม่  ทำให้จิตใต้สำนึกรับรุ้จากการผิดพลาดได้น้อยมาก ซึ่งหลายคนอาจจะบอกว่า ตัวเลขรับรู้ขาดทุนจากการ cut loss นั่น ก็ทำให้เจ็บปวดอยุ่เหมือนกันนะครับ น้องต้องแยก 2 อย่างนี้ออกจากกันให้ได้นะครับ เมื่อน้องรับรู้การเจ็บปวดแล้วสิ่งนี้จะไม่ถูกฝังอยุ่ในจิตใต้สำนึกของน้อง เพราะน้องได้เลือกที่จะยอมรับบทลงโทษผ่านความเจ็บปวดจากการ cut loss ออกมาแล้ว

เมื่อน้องฝึก Sniper Trading กันจนชำนาญแล้ว จิตใต้สำนึกของน้องจะได้รับการฝึกฝนไปด้วยเช่นกัน เพราะเราจะโปรแกรม Skill ไปยังเบื้องลึกของจิตใต้สำนึกของเทรดเดอร์กันเลย ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจหากน้องๆเทรดเดอร์คนไหนที่พัฒนา skill ขึ้น มาได้จนแตกต่างกว่าระดับมาตรฐานมากอย่างเห็นได้ชัด เพราะ ลึกๆแล้วพี่อยากให้การเทรนเทรดเดอร์ครั้งนี้สร้างเทรดเดอร์มืออาชีพในระดับ ของเฮดจ์ฟันอเมริกา หรือยุโรปกันเลย ขอให้ตั้งใจกับการฝึกครั้งนี้นะครับ J
Read More »

การฝึกฝน By MudleyGroup

การฝึกฝน


-การฝึกฝนทุกอย่างต้องใช้เวลานะครับ แม้กระทั่งเรื่องเกี่ยวกับการ Trading ขนาดฝรั่งคอร์สจริงจังก็ยังต้องโค้ชและติดตามผลกัน 2 ปีขั้นต่ำ ทำไมเวลาเทรนน้องๆ ผมถึงค่อยเป็นค่อยๆไป ค่อยๆปูพื้นฐานไปเรื่อยๆ เพราะต้องให้น้องๆได้รุ้ได้เห็นได้เข้าใจประสบการณ์ต่างอย่างแท้จริง ในอนาคตจะได้ป้องกันความเสี่ยงในรูปแบบต่างๆได้ ดังนั้น เราจึงไม่มีสูตรลัดหรือสูตรสำเร็จ ทุกอย่างต้อง take time ในการเรียนรุ้ทั้งนั้น นี่คือสาเหตุว่าทำไมเราต้องคัดเทรดเดอร์ที่มีความอดทนและความพยามสูงๆไว้ก่อนเป็นต้นครับ


"You cannot teach a man anything. You can only help him discover it within himself." - Galileo Galilei


"หาก คุณเข้าใจคณิตศาสตร์จริงๆแล้ว คุณจะเลือกเรียนรุ้แนวทางที่ทำ ผลตอบแทนหรือ pay off มาตรฐานก่อน แล้วจริงค่อยไปเรียนรุ้แนวทางที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดเป็นทีหลังสุด " Jame Simon

ข้อ คิดสำหรับคนที่ไม่ค่อยออกสื่อคนนี้ หรือ บุคคลที่เรียกได้ว่าฉลาดที่สุดในโลกการเงิน การลงทุนในยุคปัจจุบันนี้ หากทำความเข้าใจจะเห็นว่าผู้พูดมีความเข้าใจทางเรื่อง math ดีมากๆ ผมจะอธิบายให้ฟังนะครับ ว่าทำไมเค้าถึงพูดแบบนี้

- ถ้าเราเลือกแนวทางที่ให้ pay off สูงสุด หรือ เรียนรุ้จากคนที่ทำผลตอบแทนได้สูงสุดก่อนเนี่ย มักจะเป็นแนวทางที่ทำได้ยากที่สุด เพราะ อะไร เพราะในเรื่องผลตอบแทนและโอกาส มันแปรผกผันกันนั่นเอง เพื่อให้เห็นภาพ เช่น ลอตตารี่ pay off รางวัลที่ 1 ค่อนข้างสูงมาก แต่แน่นอนโอกาสที่จะได้รางวัลก็จะต่ำมากที่สุดเช่นเดียว ในทำนองเดียวกันกับ การลงทุน เม็ดเงินในตลาดนั้นมีจำกัด ดังนั้น เป็นเรื่องยากที่จะมีคนทำผลตอบแทนสูงๆกันได้ทุกคน เป็นต้นครับ ดังนั้น เราจึงควรเรียนรุ้แนวทางที่ให้ผลตอบแทนตามมาตรฐาน ก่อน เพราะจะมีโอกาสสูงและเข้าถึงผลตอบแทนเหล่านั้นได้ง่ายกว่ามากเป็นต้นครับ หลังจากนั้นเมื่อเรา สามารถอยุ่รอดบนตลาดบนผลตอบแทนมาตรฐานได้แล้วก้าวตอไปเราก็สามารถเรียนรุ้ แนวทางอื่นๆที่ช่วยเพิ่มผลตอบแทนให้เราได้มากขึ้น เพราะ กำไรจากแนวทางมาตรฐานนั้น สามารถ ไปต่อยอดเพิ่มโอกาสให้เราในแนวทางที่ยากๆขึ้นไปกว่านั้นได้เป็นต้นครับ ^ ^
 
Read More »

Stop Loss Hunting นักล่า Stop loss By MudleyGroup

Stop Loss Hunting นักล่า Stop loss

สวัสดีครับโผล่มาอีกรอบหลังจากหายไปนาน  ไม่รุ็จะเขียนอะไรเวลามีน้อยเอาเรื่องนี้แล้วกันนะครับ หวังว่าจะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย

Stop Loss Hunting นักล่า Stop loss

หลัง จากที่อยุ่ในแวดวงเฮดจ์ฟันมานาน ก็นับร่วม 5 ปี ได้แล้ว  ผมจะมาพูดถึงกลยุทธ์ที่น่าสนใจของ Hedge Fund ที่น่าจะใกล้ตัวของเรามากที่สุดนะครับ
หลายคนอาจจะเคยสงสัยว่า เอ.....ทำไมเวลาเราไปเทรดพวกตลาดต่างประเทศที่เป็น Electronic Market (ตลาดจำพวกเปิดเกือบ 24 ชม คือ ยังเทรดต่อไปได้อีกหลังจากที่ตลาดซื้อขายเวลาทำการปกติปิดไปแล้ว เช่น Forex , commodities หรือแม้กระทั่ง index future บางประเทศ ) ตอนเงินน้อยๆมันก็ทำเงินได้ไม่ยาก แต่พอเงินมากขึ้นแล้วกับทำเงินยากขึ้นเรื่อยๆทุกวันๆ
หนึ่งในสาเหตุหลัก ก็เพราะเรากำลังเผชิญหน้ากับกองทุน หรือ กลุ่มธนาคาร inter bank ที่ใช้กลยุทธ์เหล่านี้อยุ่ เทคนิคเหล่านี้ฝรั่งจะเรียกว่า  Stop Loss Hunting โดย จะแบ่งเป็น 2 จำพวกคือ

1.   Stop Loss Hunting จากกองทุนทั่วๆไป , inter bank และ บรรดา Hedge Fund

โดย ที่ Stop Loss Hunting นั้นจะทำในช่วงที่ตลาดหลักปิดไปแล้ว ยกตัวอย่างเช่น index future ในกรณีตลาดเปิดจะทำได้ยาก เพราะ ไกองทุนไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อ หรือ ขาย หุ้นในปริมารมากๆ เพื่อให้ index แกว่งตัวในระดับที่ต้องการได้ ดังนั้น เมื่อตลาดปิดไปแล้ว ก็จะเหลือแต่ Electronic market หรือ สัญญากระดาษที่ซื้อขายล่วงหน้านั่นเอง ซึ่งใช้เงินลงทุนน้อยกว่ามากในการเทขายสัญญาเหล่านั้นออกมาในปริมาณมากๆ เป็นต้น  ซึ่งบางทีกองทุนเหล่านั้นจะฉวยโอกาสในช่วงประกาศตัวเลขสำคัญๆเพื่อให้มีผล effect ทางจิตวิทยาในการเพิ่ม volatility ของตลาดอีกด้วยครับ ^ ^

2.   Stop Loss Hunting จากโบรกเกอร์ที่เราเปิดพอร์ตด้วยนั่นเอง (จะเจอมากกับกรณีไปเปิดบัญชีเทรดต่างประเทศกับโบรก OTC ที่ไม่ได้ Regulate )

      หากเราเทรดกับโบรกที่เป็น market maker ด้วยแล้วในตลาด forex  ซึ่งโบรกเกอร์เหล่านี้จะมี dealer plugin อยุ่ซึ่งสามารถรวบรวม information’s ระดับที่ลุกค้าของตัวเองมีการตั้ง stop loss level เอาไว้ ดังนั้น วิธีการตรวจสอบว่าโบรกเรา SCAM เราโดยใช้วิธีการ Stop Loss Hunting หรือไม่ ให้เปิดพอร์ตไว้ 2 โบรกขึ้นไป แล้วเปรียบเทียบราคาใน product ที่เราเทรด หากราคาสวิงไม่ต่างกันมากแสดงว่าโบรกเหล่านั้นโอเค แต่ถ้าหาก product เดียวกัน โบรกหนึ่งสวิง 1$ อีกโบรกสวิง  2-3 $ อันนี้แสดงว่าเรากำลังโดน stop loss hunting ของโบรกนั้นๆเล่นงานอยุ่เป็นต้นครับ


     ท้ายนี้สำหรับ  Stop Loss Hunting ในไทย ถามว่ามเริ่มมีหรือยัง จากการทดลองของผมพบว่า การซื้อขายอนุพันธ์มาระดับการแกว่งตัวในระดับค่าจำเพาะค่าหนึ่ง ที่ Assume ได้ว่ากองทุนฝรั่งได้เริ่มมีการนำกลยุทธ์เหล่านี้มาใช้บ้าง แต่ไม่สามารถใช้ได้อย่างเต็มที่นักเนื่องจาก Future ของเรายังเปิดควบคุ่ไปกับ underlying เป็นส่วนใหญ่  ทำให้ stop loss hunting ในบ้านเราต้องใช้เทคนิคที่ซับซ้อนขึ้น ซึ่งผลของการใช้เทคนิคเหล่านี้จะมีผลให้ตลาดนั้นๆเป็นลักษณะ Jump market คือชอบกระโดดไปกระโดดมา โดยมีค่า อัตราการแกว่งตัวที่ผิดปกติในลักษณะรวดเร็วมาเป็นจังหวะๆ  เพื่อบีบให้บรรดาเหล่าเทรดเดอร์ไม่ว่าของโบรก หรือ ทั่วๆไป มี actions ของมาช่วยส่งเสริม Dynamic ของตลาด  แต่ยังไม่สามารถทำโหดๆได้แบบตลาดต่างประเทศที่เก็บ stop loss พวก Trend trade ได้ด้วย ดังนั้น การเทรด Trend ในบ้านเรายังสามารถทำได้ง่าย และ pay off คุ้มค่าอยุ่ครับ


ท้ายนี้สามารถค้นค้วาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก google โดยการพิมพ์คำว่า stop hunting นะครับ  ผมแค่ไกด์ไว้เฉยๆ อิอิ ^ ^ 


ตัวอย่างการ SCAM ของโบรกเจ้าหนึงในต่างประเทศ ที่ทำกับราคา commodities อันหนึ่งในช่วงที่ตลาดหลักปิดพักการซื้อขายครึ่งวัน และตลาดนั้นไม่มีสภาพคล่องครับ

Read More »

FACT & OPINION By MudleyGroup

 
 

Trader ควรจะเข้าใจ fundamental ใน product ที่เราลงทุนด้วยนะครับ นี่เป็นอีกหนึ่งจุดอ่อนของเทรดเดอร์ส่วนใหญ่

เราควรเข้าใจพื้นฐานของมัน สนใจแต่ fact และระวังข้อมูลพวก opinion ให้มาก ซึ่งข้อมูลปัจจุบันมักจะ mix มาพร้อมกันสองส่วนคือ opinion กับ Fact ดังนั้นเราต้องเขียน list ออกมาในกระดาษทดเราว่าอะไรค
ือ Fact อะไรคือ opinion เราก็จะวิเคราะห์สถานการณ์ได้ดีขึ้นครับ



ปล. แถมด้วย Oil Fundamental & opinion ครับ ก่อนใช้ต้องแยกข้อมุลเป็นสองส่วนก่อนนะครับ 
 
Read More »

จาก Kzm มุ่งหน้าสู่ True Alpha By MudleyGroup

จาก Kzm มุ่งหน้าสู่ True Alpha

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับห่างหายไปนานสำหรับห้องสินธร

เป็นเวลารวมราวๆ 6 ปีแล้วตั้งแต่ผมเผยแพร่แนวคิด Kzm ผมเชื่อว่าหากบางคนที่ใช้ หรือ นำแนวความคิดมาต่อยอดน่าจะเข้าใจพื้นฐาน และมีความพร้อมที่จะก้าวต่อไปมากขึ้น



True Alpha คืออะไร  คือหลักการที่เฮดจ์ฟันพวกที่ไม่เคยเจ๊งมาก่อนในประวัติศาสตร์นำมา ใช้ ที่ผมเน้นคำว่าไม่เคยเจ๊งมาก่อนหมายความว่าอย่างไร ในโลกของเฮดจ์ฟันจะมี concept อยุ่ 2 แนวทาง คือพวกที่เชื่อในเรื่องของการตามล่าหา Return หรือผลตอบที่มากกว่าหรือชนะตลาด  กับ อีกพวกหนึ่งคือพวกที่ตามหาความเป็นอมตะของเงินทุนตัวเอง หรือ เรียกง่ายๆตามภาษาชาวบ้านคือการไม่มีต้นทุนในการลงทุน (True alpha หรือ Absolute Return นั่นเอง)

ซึ่งหลักการนี้ได้มีการนำมาใช้นานแล้ว โดยผู้ที่เริ่มพัฒนาต่อยอดแรกๆมีหลายๆ คนที่ดังๆคือ
Ray Dalio , Jame simon , Soros ,Warren buffet เป็นต้น

การจะเข้าถึง True Alpha นั้นเราต้องมีความเข้าใจในเรื่องการสร้างพอร์ตอย่างแท้จริง นั่นหมายความว่าเฮดจ์ฟันประเภท True alpha จะยอมเสียเวลาในช่วงแรกๆไปในการพยามสร้างโครงสร้าง portfolio ในการเอื้อสู่ภาวะ true alpha นั่นเอง

Portfolio Management ในการทำ True alpha นั้นจะต้องประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
ผมขอยกตัวสมการของ Ray Dalio มาเพื่ออธิบายให้เข้าใจนะครับ
Return = Cash + Beta +Alpha 

โดยทางเฮดจ์ฟันสาย True alpha จะเชื่อว่าหากเราจะมีผลตอบแทนที่ยั่งยืนได้พอร์ตของเราต้องประกอบไปด้วย 3 ส่วนในสมการข้างต้นครับ

ผมจะค่อยๆกล่าวทีล่ะตัวนะครับ
Cash  = คือเงินสด หรือ สิ่งเทียบเท่าเงินสด ที่พร้อมจะสามารถเคลื่อนย้ายไปในการลงทุนตลอดเวลา หรือ เกือบทันทีเมื่อมีโอกาส ดังนั้นหากใครที่ cash น้อยมากๆ ก็จะทำให้เสียโอกาสเมื่อมีเหตุการณ์ผิดความคาดหมายเกิดขึ้นในตลาด

Beta = ต้องบอกก่อนเลยว่า มันไม่เหมือนกับตำราราที่เราเรียนด้านการเงินนะครับ เพราะ Hedge fund ประเภท true alpha จะใช้พอร์ตตัวเอง เป็น benchmark เสมอ เค้าไม่สนใจเหมือนกองทุนทั่วๆไปหรอกว่าคุณจะเทียบกับอะไร เทียบกับ index หรือ อะไรก็ตาม พวกกองทุน true alpha จะเทียบกับพอร์ตตัวเองเสมอ กล่าวคือ ใช้พอร์ตตัวเองคือ index หรือ เอาพอรืตตัวเองเป็นหลัก ดังนั้น beta ในที่นี้คือ ค่าความผันผวนที่คุณเก็บมาได้จากในตลาด หรือ cash flow ที่คุณหาได้นั่นเอง ไม่ว่าจะวิธีไหนก็ตามที่คุณใช้ล่าในส่วนต่างทุน  เช่น Technical Analysis ,Kzm ,Dsm ดังนั้นเราจะเห็นว่าบ้านเราส่วนมากจะเน้นแต่วิธีการหา beta ไม่ได้มีการเน้นสร้างหรือพัฒนาตัว alpha ซึ่งผมจะพูดถึงต่อไปในอนาคต ดังนั้น หากคุณมีแต่ beta  ประสิทธิภาพในการบริหารพอร์ตของคุณก็จะน้อยมากๆ

Alpha = คือการฝังตัวอ่อนการลงทุนในสิ่งที่ Value นั้นมันแตกต่างจากมุลค่าเหมาะสมในการแลกเปลี่ยนสินค้านั้นๆ ดังนั้น Alpha จะต้องฝังใน product ที่มีค่าความกลัวมากๆ หรือ มีค่าความโลภมากๆ  และ product เหล่านี้โอกาสเป็น 0 น้อยมากๆ  เช่น index หรือ commodities   หรือ หุ้น under value ที่เรารุ้จักกิจการเหล่านั้นเป็นอย่างดี ดังนั้น เราจะเห็นว่า Value investor จะเน้นแนวทางนี้เป้นหลักก็คือแนวทางของ alpha ซึ่งไม่ต้องตกใจว่าทำไม Vi ถึง ตกับนักเทคนิคบ่อยๆ เพราะสองคนต่างเชื่อในคนล่ะส่วนของ portfolio management นั่นเอง แต่ถ้าเราเปิดใจจะเห้นว่า buffet ปิดจุดอ่อนของตัวเองโดยการหา beta จากการ short put derivative  ถึงทำให้ Growth ของเขาพัฒนาไปได้ดีกว่าคนอื่นที่เป็น Vi แต่ไม่สนใจ Beta เลยเป็นต้น ดังนั้น หากเราไม่สนใจ beta คนที่จะเป็น Vi ก้ต้องอดทน หรือไม่ก็ต้องมีเงินในระดับหนึ่งที่เรียกว่าปันผลหล่อเลี้ยงตัวเองได้ เพื่อรอวันที่ alpha จะ pay off เป็นต้นครับ

นี้การสร้าง portfolio แบบนี้จะทำแบบไหน โดยมากสูตร basic เราจะเน้นที่
50 Cash :  40 Beta : 10 Alpha
ดังนั้นหากคนที่เข้าใจ kzm หรือ ระบบปกป้องทุนอื่นๆที่ดีพอ ก็จะสามารถรักษาสัดส่วน 40% ตรงนั้นได้โดยไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนเลย ซึ่งพอได้ cash flow จากระบบ beta แล้วเราจะแบ่งส่วนเข้าสุ่ alpha หรือ ขยับขยาย bata ก็จะง่าย
ทีนี้มาดู alpha เนื่องจาก concept เราจะเลือกที่สิ่งที่คนกลัว หรือ โลภ เพื่อให้ได้ราคาดีๆ ดังนั้น จำนวนการลงทุนเราจะพยามเริ่มต้นที่น้อยๆ เช่น 10% ซึ่งหากเราคิดผิดขาดทุนอย่างมากคือ 10% ของพอร์ตโดยรวม และ ยิ่งถ้าเรารุ้จัก product นั้นดีพอ หรือ product ที่ไม่เป็น 0 โอกาสขาดทุน 5% ของพอร์ตโดยรวมก็ยากแล้ว เพราะนั้นหมายความว่า product alpha ที่เราเลือกต้องลงต่อจากจุดที่เราคิดว่าน่ากลัวมากๆแล้วไปอีก 50% เป็นต้น


ทีนี้เมื่อเราลง alpha ไปแล้วแน่นอน หากมันขาดทุนเราจะต้องเอา cash flow จาก bata มาโปะให้ได้ ซึ่งหาก beta โปะไม่ทัน ก็เป็นหน้าที่ของ cash นั่นเอง โดยที่เราจะต้องพยามโปะให้สัดส่วน value ของเราทำกับ 10% เหมือนเดิมที่เราลงทุนไปตอนแรก ดังนั้นปริมาณหุ้นหรือ asset ของเราจะเพิ่มขึ้น และถ้าเราดึง beta มาเพียงพอต่อการทำให้ต้นทุนของเราเป็น 0 ได้ก็เท่ากับเราได้ true alpha product มาแล้ว 1 ตัวเป็นต้นครับ แล้วเราจะไล่หาทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนมี product มากมายนับไม่ถ้วนครับ น่คือ หลักการง่ายๆของเฮดจ์ฟันที่เก่งๆในปัจจุบันนี้ ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเค้าไม่สนใจ Nav เลยว่าจะติดลบยังไง แต่ปริมาณเงินและ asset ของพวกนี้กลับเติบโตขึ้นทุกวัน เพราะ เค้ามีระบบต้นทุนของเค้าอีกแบบครับ  หวังว่าจะเป็นไอเดียได้นะครับ ไว้โอกาสหน้ามีเวลาจะเข้ามาพิมพ์เรื่องอื่นๆอีกครับ ขอบคุณมากครับ 
ตัวอย่างจริงสไตล์ Mudley Group ระหว่างที่ทุกคนกำลังกลัว ถ้าเรามี alpha และมีการทำการบ้านอย่างดี เราสามารถใช้เหตุการณ์เหล่านั้นให้เกิดประโยชน์กับการสร้างพอร์ตของเราได้ ซึ่งโดยราคาปัจจุบันผมก็แค่ดึงกำไรมาลงทุนเป็น true alpha ได้โดยไม่ต้องห่าวต้นทุนอีกต่อไปเป็นต้นครับ ดังนั้นไม่ว่าราคา asset จะเหลือเท่าไร ก้ไม่มีผลกับเราอีกต่อไป หน้าที่ของเราก็แค่หาตัว alpha ตัวใหม่สร้างเพิ่มไปเรื่อยๆครับ ยิ้ม 
 Why Warren Buffett uses short puts 
Read More »

กลยุทธ์การเล่น Day Trade byMudleyGroup

กลยุทธ์การเล่น Day Trade

เห็นน้องๆหลังไมค์สนใจเรื่อง Day Trade กัน 3-4 คน ผมตอบไม่ไหว เลยถือโอกาสตั้งกระทุ้เลยแล้วกันนะครับ จริงๆแล้วผมไม่เก่งเรื่อง Day Trade และก็ Technical มากนัก แต่ก็พอจะเล่นอยู่บ้าง ก็เอามาไกด์ไลน์เป็นแนวทางสำหรับ คนที่รักใน Day Trade แล้วกันนะครับ สำหรับเซียนๆอย่าถือสานะครับหากไม่ตรง concept


Day Trade นั้นเป็นกลยุทธ์เก็งกำไรที่ออกแบบมาเพื่อลดความเสี่ยงทางด้านเวลา หรือการถือ Positions ข้ามคืนนั่นเอง และปัจจุบันนี้มีการแตกยอดออกมาหลายแนวทางจนกลายเป็น Day Trade ต้องเล่นทุกวันเลยก็มี

Day Trade ดังเดิมนั้น ผมชอบสไตล์ Classic มากกว่า คือเนื่องจากเราจะแสวงหาผลประโยชน์จากการเก็งกำไรในวัน เราจึงต้องรอหาวันที่เราได้เปรียบมากที่สุด ดังนั้นข้อได้เปรียบที่เราต้องรอมีดังนี้

1.รอ Event เพื่อกดดัน  เนื่องจากเราเล่น Day Trade เราจึงไม่มี Position ฝ่ายไหนในมือเลย ดังนั้นเมื่อมี Event ระดับ Macro ใหญ่ๆมากดดัน ผู้เล่นเดิมในตลาดต้องมีฝ่ายใดหนึ่งพลาดพลั้งแน่ๆ เรารอซ้ำเติมฝ่ายที่พลาดพลั้งนั้น

2. เลือก Product ที่ Event นั้นมีผลกระทบอย่างรุนแรง เพราะ Big Player ในตลาดจะไม่สามารถฝืนกระแสของ Event นั้นได้นั่นเอง ทำได้อย่างมากแค่ยื้อเวลา เพื่อให้ตัวเองหลุดรอดออกมาได้ ผมจึงไม่ค่อยชอบหุ้นเล็กๆรายตัวเนื่องจากผู้เล่นรายใหญ่สามารถฝืนกระแสของ event ได้ ดังนั้นถ้ามี event กับ Set เราจึงเล่นกับ Set โดยตรง โดยเล่นในสิ่งที่ big player เค้าเล่นกันครับ

3. ดูสัญญาณจากเทคนิค เลือกเทคนิคที่ไมซับซ้อนมาก เอาที่เราเข้าใจลึกซึ้งกับมันจริงๆ ผมยกตัวอย่างการเทรดให้ดู โดยการใช้ Moving Average และ การใช้ price pattern ในการเล่น

4. หากเราเก็บกำไรก้อนใหญ่จาก Event นั้นๆมาแล้ว ให้เลิกเล่นใน Product นั้นทันที แล้วรอ Event ใหม่ๆ

นี่ เป็นตัวอย่างคร่าวๆหวังว่าพอเป็นไอเดียให้เพื่อนๆทุกคนนะครับ ท้ายนี้ผมยกตัวอย่างการเทรดจริง ของ T-Bond มาเป็นไกด์ เมื่อเจอเหตุการณ์แผนช่วยเหลือฉุกเฉินแบบนี้ผมถือเป็น big event เลย แบบนี้ไม่เล่นไม่ได้ เหตุการณ์นี้ต้องกดดันราคาพันธบัตรของอเมริกาอย่างแน่นอนแบบหลีกเลี่ยงไม่ ได้  :)

ท้ายนี้ถือโอกาสลำลาชั่วคราวครับ เนื่องจาก fund ผมจะมี Product ใหม่ คงต้องหายไป 2 เดือน แล้วเจอกันใหม่อีก 2เดือนครับ ขอให้เพื่อนๆในpantipทุกท่านประสบความสำเร็จ และมีความสุข ครับ 

 

 การอ่านเทคนิคคัล + การใช้ Macro event สร้างข้อได้เปรียบในการกดดันฝ่ายที่พลาดพลั้ง

 

Read More »