Sunday, September 7, 2014

link ความรู้ที่น่าสนใจในการเทรด

ใช้ ATR แสกนหา Protuct

 



 How The Economic Machine Works by Ray Dalio



============================================================================= http://www.imf.org/external/datamapper/index.php


=============================================================================


"Strategy Optimization" is a major factor in a trading systems performance and consistency. http://gmtfutures.com/ There is a fine line
in not optimizing and...

http://www.youtube.com/watch?v=zR_ecq6cj3I

=============================================================================

The Commitments of Traders (COT) reports provide a breakdown of each Tuesday?s open interest for markets in which 20 or more traders hold positions equal to or above the reporting levels established by the CFTC.
http://www.cftc.gov/market.../commitmentsoftraders/index.htm
=============================================================================


"เมืองไทยตอนนี้มีเล่นหุ้นไม่ถึงร้อยละ 1 ของประชากร ..โอกาสขยายตัวอีกเยอะ!!" ที่มา http://7meditation.blogspot.com/2011/02/s.html
=============================================================================

สินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตร หรือ Soft Commodities ทางเลือกลงทุนที่น่าสนใจ http://www.ftawatch.org/all/news/20177
=============================================================================

ดูว่าเงินสกุลไหนไปทางไหนบ้าง http://markets.ft.com/research/Markets/Equity-Indices

=============================================================================

Snow Ball Trading Technic by MudleyGroup http://www.learntotradeforaliving.com/forum/index.php?topic=12.0

=============================================================================

เกมส์การยึดพื้นที่โซนราคาแนวคิด http://topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/2008/08/I6908867/I6908867.html

=============================================================================
ETF http://www.set.or.th/th/products/etf/etf_p1.html
=============================================================================
Level 1 Sniper Trading หรือ Betting Trade http://mudleygroup.blogspot.com/.../level-1-sniper...
 =============================================================================
 ความรู้ forex www.knowledgefund.com
 =============================================================================
 อันนี้น่าจะ copy มาจาก facebook MudleyGroup การฝึกฝน

-การ ฝึกฝนทุกอย่างต้องใช้เวลานะครับ แม้กระทั่งเรื่องเกี่ยวกับการ Trading ขนาดฝรั่งคอร์สจริงจังก็ยังต้องโค้ชและติดตามผลกัน 2 ปีขั้นต่ำ ทำไมเวลาเทรนน้องๆ ผมถึงค่อยเป็นค่อยๆไป ค่อยๆปูพื้นฐานไปเรื่อยๆ เพราะต้องให้น้องๆได้รุ้ได้เห็นได้เข้าใจประสบการณ์ต่างอย่างแท้จริง ในอนาคตจะได้ป้องกันความเสี่ยงในรูปแบบต่างๆได้ ดังนั้น เราจึงไม่มีสูตรลัดหรือสูตรสำเร็จ ทุกอย่างต้อง take time ในการเรียนรุ้ทั้งนั้น นี่คือสาเหตุว่าทำไมเราต้องคัดเทรดเดอร์ที่มีความอดทนและความพยามสูงๆไว้ ก่อนเป็นต้นครับ

"You cannot teach a man anything. You can only help him discover it within himself." - Galileo Galilei
See Translation
การ ฝึกฝน -การฝึกฝนทุกอย่างต้องใช้เวลานะครับ แม้กระทั่งเรื่องเกี่ยวกับการ Trading ขนาดฝรั่งคอร์สจริงจังก็ยังต้องโค้ชและติดตามผลกัน 2 ปีขั้นต่ำ ทำไมเวลาเทรนน้องๆ ผมถึงค่อยเป็นค่อยๆไป ค่อยๆปูพื้นฐานไปเรื่อยๆ เพราะต้องให้น้องๆได้รุ้ได้เห็นได้เข้าใจประสบการณ์ต่างอย่างแท้จริง ในอนาคตจะได้ป้องกันความเสี่ยงในรูปแบบต่างๆได้ ดังนั้น เราจึงไม่มีสูตรลัดหรือสูตรสำเร็จ ทุกอย่างต้อง take time ในการเรียนรุ้ทั้งนั้น นี่คือสาเหตุว่าทำไมเราต้องคัดเทรดเดอร์ที่มีความอดทนและความพยามสูงๆไว้ ก่อนเป็นต้นครับ "You cannot teach a man anything. You can only help him discover it within himself." - Galileo Galilei

=============================================================================
 MudleyGroup
"หาก คุณเข้าใจคณิตศาสตร์จริงๆแล้ว คุณจะเลือกเรียนรุ้แนวทางที่ทำ ผลตอบแทนหรือ pay off มาตรฐานก่อน แล้วจริงค่อยไปเรียนรุ้แนวทางที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดเป็นทีหลังสุด " Jame Simon

ข้อ คิดสำหรับคนที่ไม่ค่อยออกสื่อคนนี้ หรือ บุคคลที่เรียกได้ว่าฉลาดที่สุดในโลกการเงิน การลงทุนในยุคปัจจุบันนี้ หากทำความเข้าใจจะเห็นว่าผู้พูดมีความเข้าใจทางเรื่อง math ดีมากๆ ผมจะอธิบายให้ฟังนะครับ ว่าทำไมเค้าถึงพูดแบบนี้

- ถ้าเราเลือกแนวทางที่ให้ pay off สูงสุด หรือ เรียนรุ้จากคนที่ทำผลตอบแทนได้สูงสุดก่อนเนี่ย มักจะเป็นแนวทางที่ทำได้ยากที่สุด เพราะ อะไร เพราะในเรื่องผลตอบแทนและโอกาส มันแปรผกผันกันนั่นเอง เพื่อให้เห็นภาพ เช่น ลอตตารี่ pay off รางวัลที่ 1 ค่อนข้างสูงมาก แต่แน่นอนโอกาสที่จะได้รางวัลก็จะต่ำมากที่สุดเช่นเดียว ในทำนองเดียวกันกับ การลงทุน เม็ดเงินในตลาดนั้นมีจำกัด ดังนั้น เป็นเรื่องยากที่จะมีคนทำผลตอบแทนสูงๆกันได้ทุกคน เป็นต้นครับ ดังนั้น เราจึงควรเรียนรุ้แนวทางที่ให้ผลตอบแทนตามมาตรฐาน ก่อน เพราะจะมีโอกาสสูงและเข้าถึงผลตอบแทนเหล่านั้นได้ง่ายกว่ามากเป็นต้นครับ หลังจากนั้นเมื่อเรา สามารถอยุ่รอดบนตลาดบนผลตอบแทนมาตรฐานได้แล้วก้าวตอไปเราก็สามารถเรียนรุ้ แนวทางอื่นๆที่ช่วยเพิ่มผลตอบแทนให้เราได้มากขึ้น เพราะ กำไรจากแนวทางมาตรฐานนั้น สามารถ ไปต่อยอดเพิ่มโอกาสให้เราในแนวทางที่ยากๆขึ้นไปกว่านั้นได้เป็นต้นครับ ^ ^


http://seedmagazine.com/.../seed_interview_james_simons/

=============================================================================
 Stop Loss Hunting นักล่า Stop loss
  http://topicstock.pantip.com/.../11/I12985923/I12985923.html 
สวัสดีครับโผล่มาอีกรอบหลังจากหายไปนาน ไม่รุ็จะเขียนอะไรเวลามีน้อยเอาเรื่องนี้แล้วกันนะครับ หวังว่าจะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย

Stop Loss Hunting นักล่า Stop loss

หลัง จากที่อยุ่ในแวดวงเฮดจ์ฟันมานาน ก็นับร่วม 5 ปี ได้แล้ว ผมจะมาพูดถึงกลยุทธ์ที่น่าสนใจของ Hedge Fund ที่น่าจะใกล้ตัวของเรามากที่สุดนะครับ
หลาย คนอาจจะเคยสงสัยว่า เอ.....ทำไมเวลาเราไปเทรดพวกตลาดต่างประเทศที่เป็น Electronic Market (ตลาดจำพวกเปิดเกือบ 24 ชม คือ ยังเทรดต่อไปได้อีกหลังจากที่ตลาดซื้อขายเวลาทำการปกติปิดไปแล้ว เช่น Forex , commodities หรือแม้กระทั่ง index future บางประเทศ ) ตอนเงินน้อยๆมันก็ทำเงินได้ไม่ยาก แต่พอเงินมากขึ้นแล้วกับทำเงินยากขึ้นเรื่อยๆทุกวันๆ
หนึ่ง ในสาเหตุหลักก็เพราะเรากำลังเผชิญหน้ากับกองทุน หรือ กลุ่มธนาคาร inter bank ที่ใช้กลยุทธ์เหล่านี้อยุ่ เทคนิคเหล่านี้ฝรั่งจะเรียกว่า Stop Loss Hunting โดย จะแบ่งเป็น 2 จำพวกคือ

1. Stop Loss Hunting จากกองทุนทั่วๆไป , inter bank และ บรรดา Hedge Fund

โดย ที่ Stop Loss Hunting นั้นจะทำในช่วงที่ตลาดหลักปิดไปแล้ว ยกตัวอย่างเช่น index future ในกรณีตลาดเปิดจะทำได้ยาก เพราะ ไกองทุนไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อ หรือ ขาย หุ้นในปริมารมากๆ เพื่อให้ index แกว่งตัวในระดับที่ต้องการได้ ดังนั้น เมื่อตลาดปิดไปแล้ว ก็จะเหลือแต่ Electronic market หรือ สัญญากระดาษที่ซื้อขายล่วงหน้านั่นเอง ซึ่งใช้เงินลงทุนน้อยกว่ามากในการเทขายสัญญาเหล่านั้นออกมาในปริมาณมากๆ เป็นต้น ซึ่งบางทีกองทุนเหล่านั้นจะฉวยโอกาสในช่วงประกาศตัวเลขสำคัญๆเพื่อให้มีผล effect ทางจิตวิทยาในการเพิ่ม volatility ของตลาดอีกด้วยครับ ^ ^

2. Stop Loss Hunting จากโบรกเกอร์ที่เราเปิดพอร์ตด้วยนั่นเอง (จะเจอมากกับกรณีไปเปิดบัญชีเทรดต่างประเทศกับโบรก OTC ที่ไม่ได้ Regulate )




หาก เราเทรดกับโบรกที่เป็น market maker ด้วยแล้วในตลาด forex ซึ่งโบรกเกอร์เหล่านี้จะมี dealer plugin อยุ่ซึ่งสามารถรวบรวม information’s ระดับที่ลุกค้าของตัวเองมีการตั้ง stop loss level เอาไว้ ดังนั้น วิธีการตรวจสอบว่าโบรกเรา SCAM เราโดยใช้วิธีการ Stop Loss Hunting หรือไม่ ให้เปิดพอร์ตไว้ 2 โบรกขึ้นไป แล้วเปรียบเทียบราคาใน product ที่เราเทรด หากราคาสวิงไม่ต่างกันมากแสดงว่าโบรกเหล่านั้นโอเค แต่ถ้าหาก product เดียวกัน โบรกหนึ่งสวิง 1$ อีกโบรกสวิง 2-3 $ อันนี้แสดงว่าเรากำลังโดน stop loss hunting ของโบรกนั้นๆเล่นงานอยุ่เป็นต้นครับ




ท้าย นี้สำหรับ Stop Loss Hunting ในไทย ถามว่ามเริ่มมีหรือยัง จากการทดลองของผมพบว่า การซื้อขายอนุพันธ์มาระดับการแกว่งตัวในระดับค่าจำเพาะค่าหนึ่ง ที่ Assume ได้ว่ากองทุนฝรั่งได้เริ่มมีการนำกลยุทธ์เหล่านี้มาใช้บ้าง แต่ไม่สามารถใช้ได้อย่างเต็มที่นักเนื่องจาก Future ของเรายังเปิดควบคุ่ไปกับ underlying เป็นส่วนใหญ่ ทำให้ stop loss hunting ในบ้านเราต้องใช้เทคนิคที่ซับซ้อนขึ้น ซึ่งผลของการใช้เทคนิคเหล่านี้จะมีผลให้ตลาดนั้นๆเป็นลักษณะ Jump market คือชอบกระโดดไปกระโดดมา โดยมีค่า อัตราการแกว่งตัวที่ผิดปกติในลักษณะรวดเร็วมาเป็นจังหวะๆ เพื่อบีบให้บรรดาเหล่าเทรดเดอร์ไม่ว่าของโบรก หรือ ทั่วๆไป มี actions ของมาช่วยส่งเสริม Dynamic ของตลาด แต่ยังไม่สามารถทำโหดๆได้แบบตลาดต่างประเทศที่เก็บ stop loss พวก Trend trade ได้ด้วย ดังนั้น การเทรด Trend ในบ้านเรายังสามารถทำได้ง่าย และ pay off คุ้มค่าอยุ่ครับ
ท้ายนี้สามารถค้นค้วาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก google โดยการพิมพ์คำว่า stop hunting นะครับ ผมแค่ไกด์ไว้เฉยๆ อิอิ ^ ^

=============================================================================
 https://www.facebook.com/photo.php?fbid=453628084696552&set=a.314692235256805.74563.126836487375715&type=1&theater 
Trader ควรจะเข้าใจ fundamental ใน product ที่เราลงทุนด้วยนะครับ นี่เป็นอีกหนึ่งจุดอ่อนของเทรดเดอร์ส่วนใหญ่

เรา ควรเข้าใจพื้นฐานของมัน สนใจแต่ fact และระวังข้อมูลพวก opinion ให้มาก ซึ่งข้อมูลปัจจุบันมักจะ mix มาพร้อมกันสองส่วนคือ opinion กับ Fact ดังนั้นเราต้องเขียน list ออกมาในกระดาษทดเราว่าอะไรคือ Fact อะไรคือ opinion เราก็จะวิเคราะห์สถานการณ์ได้ดีขึ้นครับ

ปล. แถมด้วย Oil Fundamental & opinion ครับ ก่อนใช้ต้องแยกข้อมุลเป็นสองส่วนก่อนนะครับ


http://www.opec.org/.../downloads/publications/WOO2012.pdf

http://belfercenter.ksg.harvard.edu/.../Oil-%20The%20Next...
 
=============================================================================
 http://www.earth-policy.org/data_center/C24
 =============================================================================
 
http://pantip.com/topic/30943506 True Alpha คืออะไร คือหลักการที่เฮดจ์ฟันพวกที่ไม่เคยเจ๊งมาก่อนในประวัติศาสตร์นำมาใช้ ที่ผมเน้นคำว่าไม่เคยเจ๊งมาก่อนหมายความว่าอย่างไร ในโลกของเฮดจ์ฟันจะมี concept อยุ่ 2 แนวทาง คือพวกที่เชื่อในเรื่องของการตามล่าหา Return หรือผลตอบที่มากกว่าหรือชนะตลาด กับ อีกพวกหนึ่งคือพวกที่ตามหาความเป็นอมตะของเงินทุนตัวเอง หรือ เรียกง่ายๆตามภาษาชาวบ้านคือการไม่มีต้นทุนในการลงทุน (True alpha หรือ Absolute Return นั่นเอง)

ซึ่งหลักการนี้ได้มีการนำมาใช้นานแล้ว โดยผู้ที่เริ่มพัฒนาต่อยอดแรกๆมีหลายๆ คนที่ดังๆคือ
Ray Dalio , Jame simon , Soros ,Warren buffet เป็นต้น

การ จะเข้าถึง True Alpha นั้นเราต้องมีความเข้าใจในเรื่องการสร้างพอร์ตอย่างแท้จริง นั่นหมายความว่าเฮดจ์ฟันประเภท True alpha จะยอมเสียเวลาในช่วงแรกๆไปในการพยามสร้างโครงสร้าง portfolio ในการเอื้อสู่ภาวะ true alpha นั่นเอง

Portfolio Management ในการทำ True alpha นั้นจะต้องประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
ผมขอยกตัวสมการของ Ray Dalio มาเพื่ออธิบายให้เข้าใจนะครับ
Return = Cash + Beta +Alpha
 
=============================================================================
 โดยทางเฮดจ์ฟันสาย True alpha จะเชื่อว่าหากเราจะมีผลตอบแทนที่ยั่งยืนได้พอร์ตของเราต้องประกอบไปด้วย 3 ส่วนในสมการข้างต้นครับ

ผมจะค่อยๆกล่าวทีล่ะตัวนะครับ
Cash = คือเงินสด หรือ สิ่งเทียบเท่าเงินสด ที่พร้อมจะสามารถเคลื่อนย้ายไปในการลงทุนตลอดเวลา หรือ เกือบทันทีเมื่อมีโอกาส ดังนั้นหากใครที่ cash น้อยมากๆ ก็จะทำให้เสียโอกาสเมื่อมีเหตุการณ์ผิดความคาดหมายเกิดขึ้นในตลาด

Beta = ต้องบอกก่อนเลยว่า มันไม่เหมือนกับตำราราที่เราเรียนด้านการเงินนะครับ เพราะ Hedge fund ประเภท true alpha จะใช้พอร์ตตัวเอง เป็น benchmark เสมอ เค้าไม่สนใจเหมือนกองทุนทั่วๆไปหรอกว่าคุณจะเทียบกับอะไร เทียบกับ index หรือ อะไรก็ตาม พวกกองทุน true alpha จะเทียบกับพอร์ตตัวเองเสมอ กล่าวคือ ใช้พอร์ตตัวเองคือ index หรือ เอาพอรืตตัวเองเป็นหลัก ดังนั้น beta ในที่นี้คือ ค่าความผันผวนที่คุณเก็บมาได้จากในตลาด หรือ cash flow ที่คุณหาได้นั่นเอง ไม่ว่าจะวิธีไหนก็ตามที่คุณใช้ล่าในส่วนต่างทุน เช่น Technical Analysis ,Kzm ,Dsm ดังนั้นเราจะเห็นว่าบ้านเราส่วนมากจะเน้นแต่วิธีการหา beta ไม่ได้มีการเน้นสร้างหรือพัฒนาตัว alpha ซึ่งผมจะพูดถึงต่อไปในอนาคต ดังนั้น หากคุณมีแต่ beta ประสิทธิภาพในการบริหารพอร์ตของคุณก็จะน้อยมากๆ

Alpha = คือการฝังตัวอ่อนการลงทุนในสิ่งที่ Value นั้นมันแตกต่างจากมุลค่าเหมาะสมในการแลกเปลี่ยนสินค้านั้นๆ ดังนั้น Alpha จะต้องฝังใน product ที่มีค่าความกลัวมากๆ หรือ มีค่าความโลภมากๆ และ product เหล่านี้โอกาสเป็น 0 น้อยมากๆ เช่น index หรือ commodities หรือ หุ้น under value ที่เรารุ้จักกิจการเหล่านั้นเป็นอย่างดี ดังนั้น เราจะเห็นว่า Value investor จะเน้นแนวทางนี้เป้นหลักก็คือแนวทางของ alpha ซึ่งไม่ต้องตกใจว่าทำไม Vi ถึง ตกับนักเทคนิคบ่อยๆ เพราะสองคนต่างเชื่อในคนล่ะส่วนของ portfolio management นั่นเอง แต่ถ้าเราเปิดใจจะเห้นว่า buffet ปิดจุดอ่อนของตัวเองโดยการหา beta จากการ short put derivative ถึงทำให้ Growth ของเขาพัฒนาไปได้ดีกว่าคนอื่นที่เป็น Vi แต่ไม่สนใจ Beta เลยเป็นต้น ดังนั้น หากเราไม่สนใจ beta คนที่จะเป็น Vi ก้ต้องอดทน หรือไม่ก็ต้องมีเงินในระดับหนึ่งที่เรียกว่าปันผลหล่อเลี้ยงตัวเองได้ เพื่อรอวันที่ alpha จะ pay off เป็นต้นครับ
  =============================================================================
 นี้การสร้าง portfolio แบบนี้จะทำแบบไหน โดยมากสูตร basic เราจะเน้นที่
50 Cash : 40 Beta : 10 Alpha
ดัง นั้นหากคนที่เข้าใจ kzm หรือ ระบบปกป้องทุนอื่นๆที่ดีพอ ก็จะสามารถรักษาสัดส่วน 40% ตรงนั้นได้โดยไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนเลย ซึ่งพอได้ cash flow จากระบบ beta แล้วเราจะแบ่งส่วนเข้าสุ่ alpha หรือ ขยับขยาย bata ก็จะง่าย
ที นี้มาดู alpha เนื่องจาก concept เราจะเลือกที่สิ่งที่คนกลัว หรือ โลภ เพื่อให้ได้ราคาดีๆ ดังนั้น จำนวนการลงทุนเราจะพยามเริ่มต้นที่น้อยๆ เช่น 10% ซึ่งหากเราคิดผิดขาดทุนอย่างมากคือ 10% ของพอร์ตโดยรวม และ ยิ่งถ้าเรารุ้จัก product นั้นดีพอ หรือ product ที่ไม่เป็น 0 โอกาสขาดทุน 5% ของพอร์ตโดยรวมก็ยากแล้ว เพราะนั้นหมายความว่า product alpha ที่เราเลือกต้องลงต่อจากจุดที่เราคิดว่าน่ากลัวมากๆแล้วไปอีก 50% เป็นต้น

ที นี้เมื่อเราลง alpha ไปแล้วแน่นอน หากมันขาดทุนเราจะต้องเอา cash flow จาก bata มาโปะให้ได้ ซึ่งหาก beta โปะไม่ทัน ก็เป็นหน้าที่ของ cash นั่นเอง โดยที่เราจะต้องพยามโปะให้สัดส่วน value ของเราทำกับ 10% เหมือนเดิมที่เราลงทุนไปตอนแรก ดังนั้นปริมาณหุ้นหรือ asset ของเราจะเพิ่มขึ้น และถ้าเราดึง beta มาเพียงพอต่อการทำให้ต้นทุนของเราเป็น 0 ได้ก็เท่ากับเราได้ true alpha product มาแล้ว 1 ตัวเป็นต้นครับ แล้วเราจะไล่หาทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนมี product มากมายนับไม่ถ้วนครับ น่คือ หลักการง่ายๆของเฮดจ์ฟันที่เก่งๆในปัจจุบันนี้ ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเค้าไม่สนใจ Nav เลยว่าจะติดลบยังไง แต่ปริมาณเงินและ asset ของพวกนี้กลับเติบโตขึ้นทุกวัน เพราะ เค้ามีระบบต้นทุนของเค้าอีกแบบครับ หวังว่าจะเป็นไอเดียได้นะครับ ไว้โอกาสหน้ามีเวลาจะเข้ามาพิมพ์เรื่องอื่นๆอีกครับ ขอบคุณมากครับ
=============================================================================
 https://www.youtube.com/watch?v=PHe0bXAIuk0
=============================================================================
  

No comments:

Post a Comment