"Being In The Zone" part 2
Feeling the market
ทำไมเทคนิค in the zone ถึงเป็นสิ่งที่สำคัญและเทรดเดอร์ที่ผ่านการเทรนมาแบบถูกวิธีเหล่านั้นไม่ ค่อยยอมสอนกัน ก็เพราะมันเป็นเทคนิคที่ช่วยเร่ง performance ในการเรียนรู้ของเทรดเดอร์ได้ดี และ มีประสิทธิ ภาพมาก ซึ่งถ้าเทคนิคเหล่านี้บรรดาลูกศิษย์ของเหล่าบรรดาเทรดเดอรืเก่งๆทั้งหลายทำ ได้ ตัวอาจารย์เองก็อาจจะหมดความหมาย รวมทั้งอาจตกเป็นเหยื่อลูกศิษย์ของตัวเองได้ด้วยในตลาดจริงเช่นกัน แต่ในมุมมองของผมนั้น หากเรารักอาชีพนี้แล้วหัวใจของเราคือความท้าทาย การพัฒนาตัวเอง ซึ่งหากมีคนมาเทรนกับผมแล้วผมอยากให้เค้าเก่งกว่าตัวผมเอง เพราะถ้าเค้าสามารถพัฒนาได้ดีกว่าตัวผมแล้ว แสดงว่าตัวเทรดเดอร์เหล่านั้นย่อมมีบางอย่างที่น่าสนใจให้ผมได้ศึกษาและ เรียนรุ้เพิ่มเติมอย่างแน่นอน
มาเข้าเรื่องดีกว่า In The Zone นั้น เป็นเทคนิคที่ต้องฝึกตามลำดับขั้นตอน อย่างถูกต้องเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น หากเราศึกษาเทคนิค In the Zone ของกีฬากอล์ฟ ยิมนาสติก บาสเกตบอล เบสบอล หรืออะไรก็แล้วแต่ มันย่อมไม่เหมือน เพราะ แต่ล่ะอย่างย่อมมีหัวใจไม่เหมือนกัน
เมื่อเข้าสู่เรื่อง Trading แล้ว มันย่อมมีสิ่งสำคัญที่เป็นรากฐานต่างกับกีฬา หรือ กิจกรรมอื่นๆเช่นกัน ถึงแม้ว่าโดยรวมจะคล้ายๆกัน แต่ถ้าเทรดเดอร์วางรากฐาน mind set เหล่านั้นผิด ก็จะปิดโอกาสของการเข้าถึงภาวะ In the zone ของเทรดเดอร์เหล่านั้นไปตลอดกาลอย่างแน่นอน หรือ อาจต้องใช้เวลาเรียนรุ้นานมากๆหลาย 10 ปีก็ว่าได้ เป็นต้น
จากข้อ 1 คือ Respect & Focus พี่ทบทวนอีกทีนะครับ อนนี้เป็นพื้นฐาน mind set ที่สำคัญมากสำหรับเทรดเดอร์ ดังนั้น หากเทรดเดอร์ไม่ เค้ารพในการคีย์ออเดอร์ของตัวเองเป็นพื้นฐานแล้ว โฟกัสของน้องในการเทรดก็จะไม่มีวันเกิดขึ้นแน่นอน ซึ่งหากน้องไปฝึกโฟกัสก่อน โดยไม่ Respect order ของน้อง ต่อให้น้องมีความเก่งกาจในเรื่องสติ ขนาดไหน ก็ไม่สามารถเข้าถึงภาวะ in the zone ในเรื่องของการเทรดได้อยุ่ดี
เพื่อให้น้องบรรลุถึงการเคารพในออเดอร์แต่ล่ะออเดอร์ของน้อง น้องต้อง set โทษที่รุนแรงมากๆ ยกตัวอย่างหากพี่เกิดคีย์ผิดขึ้นมาจริงๆแล้วล่ะก็ พี่จะหยุดเทรดอย่างน้อย 1 เดือน และ คืนเงิน investor จำนวน 5% ของ total asset management ทันที เพราะพี่ถือว่าพี่เริ่มไม่ใส่ใจและไม่เคารพในอาขีพของตัวเองแล้วเป็นต้น
มาถึงข้อ 2 เมื่อน้องเริ่มตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องเหล่านี้แล้ว step ที่สองเป็นเรื่องสำคัญมาก น้องต้องต้องมีส่วนหนึ่งของออเดอร์ของน้อง อาจจะ 10% ของพอร์ตหรืออะไรก็ตาม ในการเทรดเพื่อรับรุ้ความรุ็สึกของตลาดที่เราสนใจ โดยการเทรดเพื่อ feel the market นั้นไม่มีความจำเป็นต้องใช้ indicator ใดๆทั้งสิ้น หรือเรียกกันอีกอย่างว่า เทรดโดยดูแค่ราคาของมัน และ พยามรับรุ้ข่าวสารเกี่ยวกับมันให้มากที่สุด เมื่อน้องเทรดในส่วนนี้น้องจะมีระดับภาวะอารมณ์สนุก มัน เจ็บปวด ไปตามภาวะตลาดที่น้องเผชิญอยู่ ให้น้องจับ feeling เหล่านั้นมาเป็นเกจ ว่าระดับความดีใจของน้องระดับไหนที่เป็นตัวที่แสดงว่ามันเริ่มหลุดโซน เพราะหลังจากที่น้องดีใจเวลาถูกทางเล่นสนุกไปเรื่อยๆ จนถึงจุดพีคของความสนุกเหล่านั้นแล้ว performance การเทรดของน้องจะเริ่มดรอบลงแบบรวดเร็วมาก ให้จำเลเวลนั้นไว้เพื่อใช้ในการลดขนาด exposure ของพอร์ตตัวเองลง และก็เช่นเดียวกันเมื่อน้องกำลังเครียดกดดัน ภาวะ positions ตัวเองที่กำลังต่อต้านทิศทางของตลาด ความเครียดกดดันระดับไหนที่น้องรุ้สึกมันเริ่มรับไม่ไหวแล้ว และ ทุกอย่างของน้องเริ่มดีขึ้น positions ของน้องเริ่มกลับมาให้จำขีดความรุ้สึกนั้นไว้ ซึ่งในการเทรดของเรานั้นมันจะมีหลาย feeling แต่ล่ะความรุ้สึกจะมีอัตราความเบาความรุนแรงแปรเปลี่ยนไปตามภาวะตลาดและ positions ที่เราถือ ดังนั้น journal จึงอาจจะมีส่วนช่วยบ้างหากน้องเป็นบุคคลที่ไม่ค่อยจริงใจกับตัวเองเท่าไรนัก เอามารีวิวตัวเองดู และ เนี่ยหล่ะ คือจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ทำให้ตัวน้องเริ่มมี skill ที่แตกต่างจากเทรดเดอร์ทั่วๆไปมากขึ้น
“To understand the truth of everything,
it took guts more than simply thinking.”
― Toba Beta, Master of Stupidity
"The only real valuable thing is intuition."
- Albert Einstein
"Often you have to rely on intuition."
- Bill gates
Don't try to comprehend with your mind. Your minds are very limited. Use your intuition.
- Madeleine L'Engle
believe in intuitions and inspirations...I sometimes feel that I am right. I do not know that I am.
- Albert Einstein
"Being In The Zone" Part 3
